SEO

SEO คืออะไร? สาระและความรู้เบื้องต้นของ SEO สำหรับมือใหม่

SEO คืออะไร?

เป็นคำถามคำถามเดียวที่มีหลากหลายคำตอบ (ถ้าคุณลองค้นหาใน Google ดูอะนะ) ซึ่งผมเองก็ได้อ่านผ่านๆตามาแล้วหลายเว็บไซต์พอสมควรกับการให้นิยามของคำว่า SEO แต่ก็นั่นแหละครับ หลายครั้งที่มีการยกคำศัพท์ทางเทคนิคมาเยอะมากจนเกินไป ทำให้ผู้อ่านหน้าใหม่เกิดความงงมากขึ้นกว่าเก่า อารมณ์แบบว่าอธิบายคำนึงด้วยคำใหม่อีกคำนึง แล้วก็อธิบายด้วยอีกคำนึงไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ช่วยให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์อะไรนอกจากความสับสน

ดังนั้น เพื่อเป็นการขจัดความสับสนเหล่านั้นทิ้งไป ผมจะเรียบเรียงด้วยความเรียบง่าย เน้นให้เข้าใจและสามารถนำประยุกต์ใช้ได้จริงครับ

SEO คือ วิธีการ กลยุทธ์ หรือเทคนิค ในการเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์โดยการอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของหน้าผลลัพธ์การค้นหา

จากข้อความดังกล่าวจะสังเกตได้ว่า.. มันแปลว่าอะไรของมันวะ 5555 ใช่ครับ อ่านแล้วยิ่งงง เพราะผมเอาความหมายมาจาก Wikipedia แต่ผมจะลองมาแยกแยะเป็นคำๆไปเพื่อให้เข้าใจในความหมายของ SEO มากขึ้น

SEO ย่อมาจากคำว่า

  • Search Engine – เครื่องมือ (เว็บไซต์) สำหรับค้นหาข้อมูล โดยทั่วไปจะหมายถึงข้อมูลในอินเตอร์เน็ต (เพิ่มเติม)
  • Optimization – การเพิ่มประสิทธิภาพ หรือการทำให้เหมาะสมที่สุด

เมื่อรวมทั้ง 3 คำเข้าด้วยกันก็จะได้ความหมายว่า การเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหาข้อมูล

SEO_Google_Yahoo_Search_Engine
ปัจจัยคร่าวๆที่คุณต้องคำนึงถึงทุกครั้งที่คุณเริ่มทำ SEO ให้กับเว็บไซต์

อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO

ในโลกของ Seach Engine ไม่มีสิ่งใดที่จำเป็นมากไปกว่าข้อมูล เพราะมนุษย์และเครื่องมืออื่นๆต้องการข้อมูลเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองหรือส่วนรวม ดังนั้นข้อมูลนี่เองจึงเป็นสิ่งที่ Search Engine หลงใหล แต่การที่ตัว SE (Search Engine) นั้นจะไปเก็บข้อมูลจากที่ต่างๆย่อมต้องใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล เนื่องจากปริมาณแหล่งที่มา (เว็บไซต์) ในปัจจุบันมีมากกว่า 1 พันล้านเว็บไซต์ (ที่มา) ถ้าจะต้องให้ SE ทำหน้าที่เข้าไปเก็บข้อมูลแต่ละเว็บไซต์ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

การทำ SEO จึงเป็นการช่วยลดภาระงานของ Search Engine ในอีกทางหนึ่ง เพราะแทนที่ตัว SE จะต้องคอยสอดส่องข้อมูลใหม่ๆ ก็ให้เจ้าของเว็บไซต์เหล่านั้นนำข้อมูลใหม่ๆมาป้อนให้กับ Search Engine แทน (เช่นการ Submit Sitemap เป็นต้น) จากนั้นตัว Robot ของ Search Engine ก็จะทำหน้าไปที่เก็บข้อมูลใหม่ๆเหล่านั้นมาเพื่อลงฐานข้อมูลต่อไป

แต่ใช่ว่า Search Engine จะเลือกเก็บข้อมูลจากทุกๆแหล่งที่ได้ส่งเข้าไป เพราะตัว Search Engine เองก็มีเงื่อนไขบางอย่างในการคัดกรองข้อมูลจำนวนมากเหล่านั้น เพื่อให้ผลการค้นหาที่แสดงออกไปนั้นสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ที่ค้นหาได้อย่างแท้จริง

นักพัฒนาและคนทำเว็บไซต์หลายคนจึงต้องหันมาใส่ใจกับการปรับแต่งเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับผลการค้นหา เพราะสิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์จะได้รับจาก Search Engine นั่นก็คือ ปริมาณทราฟฟิคมหาศาลของผู้คนที่ต้องการค้นหาข้อมูลข่าวสารหรือบริการต่างๆในโลกอินเตอร์เน็ต

โดยส่วนใหญ่ทราฟฟิคจากการทำ SEO นั้นจะเรียกว่า Organic Traffic หรือทราฟฟิคจากธรรมชาติ เพราะเป็นทราฟฟิคที่เกิดขึ้นจากความต้องการข้อมูลของผู้ค้นหาโดยแท้จริง ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ ซื้อขายหรือการใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์มากกว่าทราฟฟิคประเภทอื่นๆ โดยต้องให้หมายเหตุตัวโตๆว่า Organic Traffic นั้นฟรี!!

นี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนจึงให้ความสนใจกับการทำ SEO เป็นอย่างมาก หลายคนอยากได้ทางลัดเห็นผลไว ก็ผันตัวไปทำ SEO สายเทา SEO สายมืด ซึ่งอาจจะได้ผลดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีความยั่งยืน เพราะเมื่อมีการปรับปรุงอัลกอลิธึมใหม่ๆ เว็บไซต์ที่โดนตรวจสอบและสามารถระบุได้ว่ามีการทำ SEO ที่ขัดต่อกฏของทาง Search Engine ก็จะโดน Deindexed และลบผลการค้นหาของเว็บไซต์ดังกล่าวออกจาก Search Engine ทั้งหมด

การทำ SEO แบบธรรมชาติหรือคนทั่วไปมักจะเรียกกันว่า SEO สายขาว จึงเป็นสิ่งที่ให้ผลคุ้มค่าและมั่นคงกว่า เพราะสิ่งหนึ่งที่ Search Engine ต้องการนั่นก็คือข้อมูลที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองให้กับผู้ค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ Search Engine จะนำเสนอเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่มีคุณภาพหรือหลอกลวงผู้ชมก็ย่อมจะส่งผลเสียต่อตัว SE เองและยังทำให้ผู้ค้นหาเสียเวลาในการค้นหา อีกทั้งยังได้รับข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์

ซึ่งการทำ SEO ด้วยตัวเองก็มีกลวิธีแตกต่างกันออกไปหลากหลายหลักสูตร คุณสามารถที่จะค้นหาใน Google ได้เกือบทั้งหมดเพราะมีผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำไว้เยอะแล้ว แต่ถ้าสำหรับตัวผมเอง การทำ SEO อย่างง่ายก็คือ เน้นเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ และความต่อเนื่องในการอัพเดทข้อมูลให้สดใหม่อยู่เสมอ รวมไปถึงการปรับแต่งหน้า Homepage และหน้าอื่นๆของเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลักการทำ On-Site SEO (การทำ SEO โดยการปรับแต่งปัจจัยภายในหน้าเว็บไซต์ของคุณเอง) ก็จะสามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถทำอันดับที่ดีในผลการค้นหาได้อย่างไม่ยากเย็น

กล่าวโดยสรุปก็คือ: การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณให้เป็นที่ถูกตาถูกใจสำหรับเหล่า Search Engine ไม่ว่าจะเป็น Google, Bing หรือ Yahoo และเจ้าอื่นๆนั้น ต้องอยู่ในความเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปว่า SEO เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหาข้อมูล หากเว็บไซต์ของคุณไม่เหมาะสมหรือมีความจงใจในการพยายามบิดเบือนข้อมูลจากความเป็นจริง ก็อาจส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณโดนคัดออกจากผลการค้นหาตลอดไป

Type_of_traffic_Google_Analytics
ผลลัพธ์สุดท้ายของการทำ SEO ที่ประสบผลสำเร็จก็คือ ทราฟฟิคที่คุณจะได้รับอย่างต่อเนื่องและมั่นคงกว่าวิธีการอื่นๆ

Pros

  • ทราฟฟิคฟรี มีคุณภาพ และปริมาณไม่จำกัด – ทราฟฟิคจากการทำ SEO นั้นมีปริมาณไม่จำกัด ล้วนแล้วแต่เป็นที่หมายปองของเจ้าของเว็บไซต์ทุกคน เพราะเนื่องจากทราฟฟิคเหล่านั้นไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียวกลับสามารถให้ผลลัพธ์ในการสร้างรายได้มหาศาล นี่จึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมหลายเว็บไซต์จึงหันมาทำ SEO กันเกือบทั้งหมด
  • ความมั่นคงยั่งยืนสูง – เนื่องจากทราฟฟิคจากการทำ SEO เป็นทราฟฟิคแบบธรรมชาติ ทำให้มีความยั่งยืนสูงและการรักษาอันดับนั้นจะค่อนข้างนาน ดีกว่าการทำ Paid Traffic หรือการเสียซื้อเงินทราฟฟิค ที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันอย่างเช่น Google Adwords (คุณต้องจ่ายเงินทุกครั้งที่มีการคลิกโฆษณาเพื่อไปยังเว็บไซต์ของคุณ เรียกว่า PPC หรือ Pay Per Click) ยกเว้นเสียแต่ว่า Keyword ที่คุณใช้นั้นจะมีการแข่งขันสูง
  • ความน่าเชื่อถือสูง – เว็บไซต์ที่มีการจัดอันดับจาก Google ให้อยู่ใน 1-10 อันดับแรกในหน้าผลการค้นหา ย่อมส่งผลให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีอันดับหรืออันดับต่ำกว่า ผู้ค้นหาข้อมูลโดยส่วนใหญ่มักสนใจเฉพาะ 10 อันดับแรกของผลการค้นหาเท่านั้น

Cons

  • ลงทุนสูง – ปัจจุบันเกือบทุกเว็บไซต์คำนึงถึงเรื่อง SEO เป็นอันดับต้นๆในการทำเว็บไซต์ ทำให้คู่แข่งในตลาดมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากต้องการปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ SEO นั้นอาจจะต้องมีการลงทุนทั้งแรงเงินและแรงกายเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้อันดับที่ต้องการ
  • ใช้เวลานานและไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนได้ – SEO ถือเป็นงานหนึ่งที่ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า จะสำเร็จ 100% เมื่อไร? ซึ่งถ้าหากคุณทำ SEO จะรู้ว่าเดี๋ยวมันถึงเวลามันก็จะมาเอง นี่จึงเป็นความไม่แน่นอนอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้รับจ้างทำ SEO ต้องกังวล เนื่องจากไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนได้จึงจำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปี เป็นต้นไป
  • โดนโจมตีจากคู่แข่งได้ง่าย – เว็บไซต์หลายเว็บไซต์มีจำนวนลิงค์กลับมายังเว็บไซต์ (Backlinks) ปริมาณมาก บางครั้งมีจำนวนมากเกิน 1 ล้านลิงค์ ซึ่งหลายครั้งที่โดนผู้ไม่หวังดีสแปมลิงค์เสียเหล่านั้น เพื่อหวังทำให้เว็บไซต์ตกอันดับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเนื่องจาก Google มีระบบ Disavow Link (การระบุลิงค์เสีย ลิงค์สแปมให้แก่ Google ทราบและไม่นำมาจัดอันดับ) ให้คุณสามารถส่งรายชื่อลิงค์ที่ไม่ต้องการนำมาจัดอันดับได้ แต่คุณต้องหมั่นตรวจสอบปริมาณของลิงค์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้มีลิงค์เสียเหล่านั้นเข้ามายังเว็บไซต์

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าจะให้พูดกันตรงๆแล้ว “ทำเถอะครับ จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน” เพราะการที่คุณสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพเพื่อแบ่งปันให้แก่บุคคลอื่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี การทำ SEO ก็เหมือนการกระจายโอกาสให้บุคคลในโลกอินเตอร์สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านั้นได้ นับว่า Win-Win ทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่ก็อย่าลืมไปเสียว่าอะไรที่มันมากเกินไปหรือน้อยเกินไปย่อมจะส่งผลในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณทำ SEO ให้พอดีและเหมาะสม คุณก็จะได้รับประโยชน์ที่แท้จริงจากการทำ SEO ขอบคุณครับ