Uncategorized

RDP กับ VPS คืออะไร รู้จักไว้และใช้ให้เป็น

สวัสดีครับ ห่างหายไปนานกับเทศกาลปีใหม่ที่แทบจะไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย เพราะมัวแต่หมกมุ่นกับการเล่น Pokemon Go นี่ล่ะ 5555 พอมารู้ตัวอีกทีก็กลับมาทำงานปกติแล้ว T_T

ส่วนเรื่อง Blog ก็ไม่ต้องพูดถึง ปล่อยร้างจนหยากไย่เกาะเต็มไปหมด จนวันนี้มีโอกาสดีขอเขียนถึงเรื่องใกล้ตัวสักหน่อย เนื่องจากในชีวิตของผมต้องคลุกคลีกับการทำงานบน VPS มากพอๆกับการทำงานกับคอมพิวเตอร์สำนักงาน จึงไม่แปลกที่ผมค่อนข้างคุ้นชินกับ VPS เป็นอย่างมาก

เหตุผลหลักที่คนส่วนใหญ่ต้องหนีไปใช้ VPS เกิดจาก

  • อินเตอร์เน็ตที่บ้านความเร็วเต่า – ดาวน์โหลดเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ขึ้นๆลงๆแปรปรวนเหมือนอารมณ์ ทำให้ดาวน์โหลดไฟล์ไม่สำเร็จสักที
  • เปิดคอมฯตลอดเวลาไม่ได้ – งานบางอย่างต้องการการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ถ้าคอมฯของคุณรับไม่ไหว ก็เปลี่ยนไปใช้ VPS จะดีกว่า
  • งานหนักเหมาะกับเครื่องสเปคสูง – งานบางชนิดที่ต้องใช้ทรัพยากรเครื่องอย่างมหาศาล ไม่เหมาะกับคอมฯบ้านที่นับวันมีแต่จะเก่าลง

และเหตุผลอื่นๆอีกมากมายที่จะคิดได้ นี่เองเป็นเหตุผลให้การเลือกใช้ VPS และ RDP ให้เหมาะสมกับประเภทของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

headache
ฝนตกไฟดับ เน็ตหลุด เน็ตช้า แม่ด่าไม่ให้เปิดคอมฯ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่หลายคนอยากจะหนีมาใช้ VPS

VPS

VPS ย่อมาจาก Virtual Private Server แปลเป็นไทยก็คือ เซิฟเวอร์ส่วนตัวเสมือน

เป็นอย่างไรล่ะ แปลแล้วงงกว่าเดิม แต่ถ้าให้อธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายก็คือ เซิฟเวอร์เสมือน ที่มีความเป็นส่วนตัว

เพราะเทคโนโลยีของ VPS จริงๆแล้วไม่ใช่เซิฟเวอร์แท้ที่เป็นเซิฟเวอร์ทั้งเครื่อง ตัวอย่างดังภาพด้านล่าง แต่เป็นเซิฟเวอร์เสมือนที่ถูกจำลองขึ้นมา โดยมีการจำกัดทรัพยากรเกิดขึ้น (CPU, RAM, Harddisk)

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะต้นทุนของเซิฟเวอร์ค่อนข้างสูง การนำมาให้บริการแก่ลูกค้าเพียง 1 คนเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แต่ลูกค้าอาจสู้ราคาไม่ไหว ทางผู้ให้บริการเลยนำเครื่องเซิฟเวอร์มาจัดสรรปันส่วนสร้างเป็น VM (Virtual Machine) หลายเครื่องขึ้นมา เพื่อนำไปแบ่งขายให้กับลูกค้าแทน

ผลเสียที่เห็นได้ชัดก็คือหากตัวเซิฟเวอร์มีปัญหาก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้คนอื่นๆทั้งเครื่อง อีกทั้งหากไม่มีการจัดการระบบที่ดีก่อให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากร เพราะผู้ใช้ทุกคนภายใต้ VPS ที่อยู่ในเซิฟเวอร์เครื่องเดียวกัน หากมีใครคนใดคนหนึ่งดึงทรัพยากรไปใช้กับตัวเองจนหมดโดยไม่หลงเหลือให้แก่ผู้ใช้รายอื่น ก็จะเกิดปัญหาความล่าช้า และความไม่สะดวกสบายในการใช้งาน VPS

dedicated_server
เนื่องจากต้นทุนที่สูงของตัวเซิฟเวอร์ ทำให้ผู้ให้บริการ (Providers) นำเครื่องเซิฟเวอร์ดังกล่าวมาทำการแบ่งสัดส่วนโดยการทำ VM (Virtual Machine) จำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง และนำไปแบ่งขายให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้งาน

 

ประเภทของ VPS ที่คุณจะสามารถพบได้ตามร้านค้าใน Google

  • Cloud Server – นึกภาพถึงกลุ่มก้อนเมฆที่นำเซิฟเวอร์หลายๆเครื่องมาต่อเข้าด้วยกัน กระจายข้อมูลไปยังแต่ละเครื่อง ช่วยป้องกันปัญหาการล่มของเซิฟเวอร์ตัวใดตัวหนึ่ง
  • Dedicated Server – มันคือเซิฟเวอร์ทั้งเครื่อง ที่ยกให้คุณได้ใช้แต่เพียงผู้เดียว ช่วยให้คุณได้ใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่เซิฟเวอร์เครื่องนั้นจะสามารถจัดสรรให้ได้
  • VPS – ว่ากันตามตรงก็คือ เอา Dedicated มาหั่นออก แบ่งทรัพยากรออกเป็นสัดส่วนเท่าๆกัน แบ่งปันกันใช้

จะเห็นได้ว่า Cloud นั้นเทพที่สุดด้วยประการทั้งปวง แต่อย่าลืมว่าประสิทธิภาพที่สูง ก็แลกมากับค่าใช้จ่ายที่แสนโหด ผู้ให้บริการหลายรายคิดราคาการใช้งาน Cloud Computing เป็นรายชั่วโมง!! นั่นเท่ากับว่าทุกชั่วโมงที่ผ่านไปก็หมายถึงปริมาณเงินที่คุณต้องจ่ายให้กับ Cloud Server

ดังนั้นถ้าคุณไม่มีความจำเป็นจริงๆ ยังไม่ต้องอัพเกรดไปถึง Cloud หรอกครับ เต็มที่ใช้แค่ Dedicated ก็เหลือเฟือแล้ว แต่อย่างที่บอกว่าหลากคนก็หลากจุดประสงค์ในการใช้งาน ตัวผมเองตอนนี้ก็ใช้แค่ VPS ก็เพียงพอครับ งบประมาณไม่มากแต่เน้นคุณภาพค่อนข้างดี และการ Support ที่รวดเร็วก็เพียงพอ

แล้วคุณจะต้องเช่า VPS เพื่ออะไร?

  • Web Hosting – ส่วนใหญ่ก็เช่ามาเพื่อ Hosting Website นี่ล่ะครับงานหลัก เพราะสามารถทำงานได้ตลอด 24/7 อีกทั้งยังสามารถติดตั้งส่วนเสริมอื่นๆเพื่อเพิ่มความเร็วและความปลอดภัย ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคลนะครับ ถ้าไม่สามารถทำได้แนะนำให้ติดต่อผู้ให้บริการจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเว็บล่ม
  • Gaming Server – ถ้าใครที่ชอบเล่นเกมส์ก็สามารถนำ VPS มาทำเป็นเซิฟเวอร์เพื่อให้บริการแก่เหล่าเกมเมอร์ได้ครับ คุณอาจจะได้รับการบริจาคเงินเป็นสิ่งตอบแทนในกรณีที่มีผู้สนใจเซิฟเวอร์ของคุณมากๆ
  • Seedbox Co-Lo – อีกหนึ่งความสามารถก็คือนำ VPS มาทำการดาวน์โหลด/อัพโหลด Bittorrent ซึ่งโดยปกติ VPS ทั่วไปจะไม่อนุญาตนะครับ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ไฟล์ ถ้าจะสมัครแนะนำให้มองหาแพคเกจที่มีชื่อเป็น Seedbox จะปลอดภัยสุดครับ ความเร็วที่สามารถทำได้สำหรับการ Upload/Download เริ่มต้นตั้งแต่ 100 Mbps – 1 Gbps ครับ
  • 24/7 Tasks – เท่าที่ทราบ งานที่จำเป็นต้องทำงานบน VPS ตลอด 24/7 ได้แก่ – การรัน iMacros เพื่อทำงานบางอย่าง – เปิดบอทเกมส์ – เปิดคอมฯเพื่อสร้างรายได้จำพวก Traffic Exchange – Bitcoin mining – รัน EA สำหรับ Forex เป็นต้น

RDP

RDP ย่อมาจาก Remote Desktop Protocol แปลให้เข้าใจก็คือ โปรโตคอล (ข้อตกลงหรือภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์) สำหรับควบคุมคอมพิวเตอร์/เซิฟเวอร์จากระยะไกล

หลักการทำงานทั่วไปจะคล้ายคลึงกันกับ Teamviewer และ VNC ที่คุณสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้จากระยะไกล โดยสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเชื่อมต่อ RDP ได้แก่

  • IP Address ปลายทางที่ต้องการเชื่อมต่อ
  • Username
  • Password
  • และที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือโปรแกรม Remote Desktop Connection ที่ทาง Microsoft ได้พัฒนาขึ้นสำหรับการใช้งาน RDP โดยเฉพาะ
Remote Desktop Connection
โปรแกรม Remote Desktop Connection สำหรับเชื่อมต่อ RDP ที่สะดวกและใช้งานง่าย รวมทั้งยังมี application สำหรับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย

ในแง่ความเป็นจริง

ถ้าพูดถึง VPS ส่วนใหญ่แล้วจะหมายถึงการเช่าซื้อ VPS เพื่อทำ Website Hosting เป็นงานหลักๆ โดยระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันนั่นก็คือ CentOS แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คุณจะติดตั้ง Windows ลงบน VPS ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน แต่ผู้ให้บริการจะเขียนในแพคเกจว่า Windows RDP แทน และมักจะไม่เรียกว่า Windows VPS เพราะการที่คุณจะเข้าไปใช้งานได้นั้นต้องผ่าน RDP เสมอ

too long didn't read

TL;DR ยาวไป ไม่อ่าน

  • Seedbox ใช้สำหรับ Download/Upload ไฟล์ Bittorrent โดยเฉพาะ และส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำอย่างอื่นได้นอกจากงานที่กล่าวมา
  • RDP ธรรมดา หรือ Windows RDP ใช้สำหรับงานธรรมดาทั่วไปเช่น เปิดบอทเกมส์, เปิด iMacros, อาจจะประยุกต์ไว้สำหรับ D/U Bittorrent ได้ (ถ้าผู้ให้บริการอนุญาต), เปิด Traffic Exchange, Bitcoin Mining (ศึกษาข้อตกลงให้ดีก่อน เพราะกินทรัพยากรค่อนข้างสูง มีโอกาสโดนแบนได้), เปิด MetaTrader สำหรับเทรด Forex, ใช้งาน SEO Tools ต่างๆ
  • Windows Encoding มีลักษณะคล้ายกันกับ RDP ธรรมดาแต่มีความสามารถเพิ่มขึ้นโดยคุณสามารถ แปลงไฟล์ภาพยนตร์ได้ (ใช้ทรัพยากรมากและต่อเนื่อง), บีบอัด/แตกไฟล์ zip, rar (ใช้ทรัพยากรมากและต่อเนื่องเช่นกัน)
  • Admin RDP โดยทั่วไปผู้ให้บริการจะแยก Admin RDP ออกจาก RDP ธรรมดา เนื่องจากต้องการเพิ่มราคา หากคุณต้องการติดตั้งโปรแกรมต่างๆบนเครื่องเซิฟเวอร์ได้ด้วยตัวเอง คุณสามารถเลือกซื้อ Admin RDP ได้เลยครับ จะมีอิสระในการทำงานมากกว่า RDP ธรรมดาที่ต้องติดต่อ Admin ทุกครั้งที่ต้องการติดตั้ง/ลบโปรแกรม
  • Dedicated RDP หากคุณไม่ชอบที่จะแชร์ทรัพยากรกับใครก็สามารถสั่งซื้อแพคเกจนี้ได้ครับ คุณจะสามารถใช้งานเครื่องเซิฟเวอร์ดังกล่าวเพียงผู้เดียว แต่อย่าลืมว่าต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า RDP โดยทั่วไป ซึ่งคุณจะได้รับ Full Admin Access โดยอัตโนมัติ
  • Botting RDP คุณสามารถใช้งานโปรแกรมจำพวก Bot, Traffic Exchange อย่างเช่น Hitleap, Jingling ได้อย่างเต็มที่ บางครั้งการใช้งาน MT4 และ iMacros ก็อาจจะถูกจัดอยู่ในประเภท Botting RDP เช่นกัน
  • VPS ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่คุณติดตั้ง ถ้าหากคุณใช้ระบบปฏิบัติการ Windows คุณก็สามารถใช้งานเช่นเดียวกันกับ RDP ได้ แต่หากคุณใช้ระบบปฏิบัติการที่เป็น Linux อย่างเช่น CentOS ที่ส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้กับงาน Website Hosting มากกว่า

Short Reviews

  • AwesomeRDP – เจ้านี้มีแพคเกจที่ให้ทรัพยากรค่อนข้างสูง ในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมทั้งมี Admin Encoding ในราคาที่ไม่แพงเกินไป ที่สำคัญคือเป็น Single User ใช้งานเพียงแค่คุณคนเดียว ไม่มีคนอื่นมารบกวนการทำงานของคุณแน่นอน ($25/m, Admin Encode 400G)
  • GreencloudVPS – มีแพคเกจให้เลือกค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่จะรองรับ Botting RDP และที่สำคัญคือคุณจะได้รับ Admin Access ในราคาที่ไม่แพง ($8/m, US1)
  • Snthostings – ผมใช้เจ้านี้เป็นระยะเวลานานพอสมควร มีแพคเกจให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะ Windows Encoding ที่ราคาไม่แพงและได้รับปริมาณ Disk Space ค่อนข้างสูงถึง 300 GB ($14.99/m, SnTRDP – 300G)