All About Cryptocurrency, My Interests

เริ่มต้นลงทุนกับ Bitcoin และ Cryptocurrency

สวัสดีเพื่อนๆนักอ่านทุกท่านครับ กลับมาอีกครั้งในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin และ Cryptocurrency โดยในหัวข้อนี้จะเป็นการแนะนำการลงทุนใน Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆ

ซึ่งในบทความนี้จะเน้นเขียนไปตามนิยามและความเข้าใจของตัวผมเอง ไม่แนะนำให้เชื่อถือทั้งหมด เนื่องจากศาสตร์ของ Bitcoin และ Cryptocurrency ค่อนข้างกว้าง แนะนำให้เจาะลึกศึกษาเพิ่มเติมตามหนังสือหรือตำรา เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง

หากผิดพลาดประการใด ทางผู้เขียนขออภัยมา ณ​ ที่นี้

สนใจเปิดบัญชีเทรดกับเว็บเทรดอันดับ #1 ของประเทศไทย คลิ๊กที่นี่ ได้ทันที

Bitcoin คืออะไร?

bitcoin

คำถามยอดฮิตประจำศตวรรษ Bitcoin ในความหมายของผมคือ เงินดิจิตอล…ที่สามารถส่งผ่านกันได้ในโลกออนไลน์

แน่นอนว่า มันเป็นเงินดิจิตอลที่อยู่ในโลกออนไลน์ ไม่มีรูปร่างเหมือนอย่างกับธนบัตรหรือเหรียญ ที่สามารถจับต้องได้ เป็นเพียงแค่ข้อมูล/ตัวเลขเท่านั้น

ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ผมขอเปรียบเทียบกับ Paypal บัญชีออนไลน์ ที่คุณสามารถใช้เงิน (ที่เป็นตัวเลขในบัญชี) ซื้อขายสินค้าหรือส่งเงินข้ามพรหมแดนให้กับเพื่อนที่อยู่อีกซีกโลกได้

paypal
Paypal (เพย์พาล) บัญชีออนไลน์ที่ให้บริการ รับ-ส่งเงินผ่านระบบออนไลน์ และสามารถใช้งานนกับบัตรเดบิต/เครดิตได้อีกด้วย

เพราะฉะนั้นในนิยามของผม Bitcoin ก็คล้ายคลึงกันกับเงินใน Paypal นั่นแหละครับ ที่คุณสามารถ
– รับ-ส่ง Bitcoin
– ใช้ชำระสินค้าบริการ (ที่รองรับ Bitcoin)
– ใช้เกร็งกำไร (เทรดบน Exchange หรือซื้อเก็บไว้เฉยๆ)

คร่าวๆก็จะประมาณนี้ เพราะผมไม่อยากให้มือใหม่ต้องงุนงงกับคำนิยามที่มีทั้งการขุดเหรียญ การทำเหมือง หรือต้นกำเนิดของ Bitcoin อย่าง Blockchain ซึ่งผมขออนุญาตตัดออกเพื่อความกระชับ

ศัพท์ที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น

Bull Bear Market

ขออนุญาตอธิบายศัพท์ที่นำมาใช้ เพื่อป้องกันความสับสน

  • เหรียญ – สกุลเงินแต่ละชนิด เช่น เหรียญ Bitcoin เหรียญ Ethereum เป็นต้น
  • Altcoin – แอลท์คอยน์ หรือเหรียญสกุลอื่นๆที่ไม่ใช่ Bitcoin ย่อมาจาก Alternative Coins แปลเป็นไทยแบบตรงตัวว่า เหรียญทางเลือก
  • ตลาดคริปโต – ตลาดทั้งหมดของ Cryptocurrency ที่ประกอบไปด้วยเหรียญหลากหลายสกุล
  • ตลาดกระทิง – เมื่อราคาเหรียญในตลาดคริปโตส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น มีชื่อว่า Bull Market
  • ตลาดหมี – เมื่อราคาเหรียญในตลาดคริปโตส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง มีชื่อว่า Bear Market
  • Exchange – ตลาดออนไลน์สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญ โดยมีการใช้เงินจริง (US Dollar หรือ Baht) ในการซื้อขาย หรือเป็นการซื้อขายระหว่างเหรียญ เป็นต้น
  • การเทรด – การซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญภายใน Exchange เช่น คุณมีเงินบาท => เอาไปซื้อ Bitcoin หรือคุณมี Bitcoin => ต้องการขายเป็นเงินบาท เป็นต้น
  • กระเป๋า – หรือ Wallet ใช้ในการเก็บเหรียญแต่ละชนิดเช่น Bitcoin Wallet, Ethereum Wallet เป็นต้น
  • Safe Haven – สินทรัพย์ที่ใช้สำหรับพักเงินลงทุนให้อยู่ในสถานะที่ปลอดภัย ลดความผันผวนของตลาด โดยทั่วไปจะหมายถึง ทองคำ (Gold)

หลอกลวงหรือเปล่า?

Scam

ในโลกนี้มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีซึ่งเป็นสัจธรรม ในโลกของ Cryptocurrency ก็เช่นเดียวกัน

หากคุณเคยได้ยินข่าวว่ามีการหลอกลวงให้ลงทุน หรือโปรเจคปลอมๆที่สร้างขึ้นมาขายฝันให้แก่นักลงทุน ซึ่งนั่นก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้นๆ ของการลงทุนในตลาดคริปโต

แต่มิใช่ว่าเหรียญทุกชนิดจะหลอกลวงทั้งหมด เหรียญที่ดีมีคุณค่าก็มีมากมายเช่นกัน อยู่ที่ว่าการตัดสินใจลงทุนและเลือกเหรียญของคุณนั้น จะถูกต้องมากน้อยเพียงใด

หุ้นดี หุ้นไม่ดี ก็มีมากมาย เหรียญดี เหรียญไม่ดี ก็มีมากมายเช่นเดียวกัน

แล้วมันจะรวยได้ทุกคนจริงหรือ?

money

คำตอบคือไม่…

เนื่องจากในปัจจุบันราคาของเหรียญทั้งตลาดปรับตัวลดลงมามาก มากเสียจนว่า หากคุณลงทุนสัก 1 ล้านบาท (ณ ราคาสูงสุด) ตอนนี้คุณอาจจะเหลือสินทรัพย์ทั้งหมดแค่ 5 แสนบาท (ยกตัวอย่างเฉยๆ)

แต่ถ้าคุณเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่ปี 2013 ซึ่ง​​ ณ​ เวลานั้น Bitcoin มีราคาต่อเหรียญอยู่ที่ต่ำกว่า $100 หรือประมาณ 3000 กว่าบาท ถ้าคุณซื้อ Bitcoin ณ ตอนนั้นด้วยเงินสด 100,000 บาท คุณจะได้รับ Bitcoin ทั้งหมด 33 Bitcoin

หากคุณเก็บ Bitcoin ทั้งหมดไว้ในกระเป๋าโดยไม่ได้ย้ายออกไปไหน แล้วรอจนถึงธันวาคมปี 2017 (เป็นเวลาเกือบ 4 ปี) ซึ่ง ณ​ เวลานั้น Bitcoin ขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ $20,000 หรือประมาณเกือบ 700,000 บาท

ถ้าคุณขาย Bitcoin ทั้งหมด ณ​ จุดนั้น คุณจะได้รับเงินทั้งหมด 700,000*33 = 23,100,000 บาท (จากทุน 100,000 บาท)

จะเห็นได้ว่าถ้าคุณเข้ามายังตลาดคริปโตได้เร็วเท่าไร คุณมีโอกาสที่จะร่ำรวย(ก่อน)คนอื่น ได้มากเท่านั้น

ลองนึกภาพกลับกัน ถ้าคุณซื้อ Bitcoin ด้วยเงิน 100,000 บาทที่ราคาสูงสุด ($20000) ตอนนี้คุณจะเหลือเงินเท่าไร? (ราคาปัจจุบัน $6600)

สิ่งที่หลายคนคิดในใจหากทำได้นั่นคือการย้อนเวลากลับไปซื้อ Bitcoin ณ ตอนที่ราคายังถูกๆ

แน่นอนว่ามันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ดังนั้นผมจะแนะนำวิธีการอื่นๆที่สามารถช่วยให้เหล่านักลงทุนมือใหม่ก็สามารถทำกำไรกับตลาดคริปโตได้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ณ เวลาปัจจุบัน

เพราะฉะนั้นปัจจัยที่ทำให้คุณรวยหรือซวยประกอบไปด้วย

Time

  • เวลา – คนที่เข้าตลาดมาก่อน ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่เข้าตลาดช้ากว่า คนมาช้าอาจได้รับไม้ต่อในช่วงที่คนมาก่อนขายทิ้งหมดแล้วก็เป็นได้…
  • เหรียญที่คุณเลือกถือ – หากคุณเลือกเหรียญดี ผลตอบแทนย่อมออกมาดีเป็นธรรมดา แต่ถ้าคุณเลือกเหรียญผิด ชีวิตก็ซวยได้เช่นกัน อารมณ์เดียวกันกับการเลือกถือหุ้นดี/หุ้นไม่ดี
  • ต้นทุนราคาของเหรียญ – เปรียบเทียบคนซื้อ Bitcoin ที่ราคา 3000 บาท กับราคา 600,000 บาท คนที่ซื้อถูกกว่าย่อมได้ปริมาณเหรียญที่มากกว่า และมีผลกำไรที่สูงกว่าเป็นเรื่องปกติ

แล้วทำไมต้องลงทุนกับ Bitcoin

ในโลกใบนี้มีการลงทุนมากมายไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในหุ้น การลงทุนในทองคำ ฯลฯ ซึ่งการตัดสินใจว่าจะลงทุนกับสิ่งใดนั้น เป็นเรื่องที่คุณผู้อ่านต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเอาเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

การลงทุนกับ Bitcoin และ Cryptocurrency ก็เช่นเดียวกัน จำไว้เสมอว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง และความเสี่ยงที่มากที่สุดคือการไม่ลงทุน…

เหตุผลที่ทำให้การลงทุนกับ Bitcoin และ Cryptocurrency น่าสนใจก็เนื่องมาจาก

  • ตลาดคริปโตยังค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น และมีโอกาสที่จะสามารถเติบโตได้อีกมาก นั่นแปลว่ามีโอกาสที่ราคาของเหรียญต่างๆอาจขยับขึ้นได้มากกว่าปัจจุบัน (เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน)
  • เหรียญหลายสกุลมีแนวโน้มที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง อาจเหมือนยุค Internet ที่หลังจากนั้นไม่นาน Internet ก็กลายมาเป็นปัจจัยที่สำคัญหนึ่งในชีวิต (สันนิษฐานอีกเช่นกัน)
  • ปัจจัยหลายอย่างในประเทศต่างๆในโลก ส่งผลให้กระแสเงินอาจไหลเข้าสู่ตลาดคริปโต เนื่องจากมีความเป็นส่วนตัวสูงและสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ง่าย
  • มีข้อสันนิษฐานเกิดขึ้นอีกว่า การเป็น Safe Haven ของทองคำ อาจเปลี่ยนมือมาอยู่กับ Bitcoin แทน แปลอีกความหมายหนึ่งคือ มีหลายคนเริ่มทะยอยซื้อ Bitcoin แทนการซื้อทองคำเพื่อเก็บสะสม และคาดว่าอนาคตอาจมีราคาสูงขึ้น เป็นต้น

ทั้งนี้ทั้งนั้นการลงทุนยังคงมีความเสี่ยงอยู่เสมอ โปรดศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

แนวทางสำหรับมือใหม่

เข้าสู่เนื้อหาสำคัญสักที… ปาเข้าไปเกือบสามหน้ากระดาษ A4

หากคุณเป็นมือใหม่ แล้วอยากเริ่มต้นลงทุนในตลาดคริปโต ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ไม่จำเป็นต้องโอนเงินไปให้ใครที่อวดอ้างว่าสามารถลงทุนให้คุณได้ เพราะมีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นแหละ ที่จำเป็นต้องเรียนรู้การลงทุนด้วยตัวเอง จะก่อให้เกิดผลดีที่สุด

หากคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ คงยังไม่มี Bitcoin ในมือ เพราะฉะนั้นเริ่มแรกคือการซื้อ Bitcoin ด้วยเงินบาทที่คุณมี

โดยเงินบาทที่คุณจะนำมาลงทุนนั้น จะต้องมีคุณสมบัติคือ

  • เป็นเงินเย็น – เงินเย็นคือเงินที่คุณสามารถสูญเสียได้ โดยไม่ทำให้ตัวคุณเดือดร้อน เงินที่สามารถนำมาเสี่ยงกับการลงทุนได้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น เงินเก็บ เงินออม เป็นต้น
  • ห้ามกู้ยืมเด็ดขาด – เพราะหากคุณกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุน นั่นคือข้อผิดพลาดประการแรกของการลงทุน

เมื่อคุณมีเงินเย็นอยู่ในมือแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดบัญชีกับเว็บเทรดชื่อดังอันดับ 1 ของเมืองไทย ได้แก่ Bx.in.th

ซึ่งคุณสามารถ คลิ๊กที่นี่ เพื่อเปิดบัญชีกับ Bx.in.th ได้ทันที

เมื่อเปิดบัญชีสำเร็จแล้ว แนะนำให้ทำการยืนยันตัวตน โดยส่งเอกสารอย่างเช่น รูปถ่ายหน้าบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือหน้าสมุดบัญชีธนาคาร เพื่อให้ทางทีมงานตรวจสอบ โดยรายละเอียดจะแจ้งอยู่ภายในเว็บไซต์ Bx

หากคุณติดขัดประการใด ก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้เลย มีเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการตลอดเวลา

หลักการเทรดเบื้องต้น

หลักการในการเทรดนั้น มีง่ายๆประมาณนี้ครับ

เราจะซื้อในตอนราคาต่ำๆ และขายในตอนราคาสูงๆ

คำถามคือ… แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาต่ำๆเป็นอย่างไร?

This is how we trading in Crypto market
รูปภาพอธิบายการเทรดคร่าวๆ โดยจะไม่เข้าซื้อที่ราคาสูงสุด แต่เข้าซื้อ ณ​ ราคาที่มีการปรับตัวของกราฟ หรือวงกลมสีเขียวในรูป

จากภาพ หากคุณต้องการซื้อ Bitcoin ณ ราคาปัจจุบัน ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เนื่องจาก

  • เราไม่ได้ซื้อที่ราคาสูงสุด ประมาณ 640,000 บาท แต่ซื้อ ณ​ ราคา 200,000 กว่าบาท ซึ่งมีความต่างเกือบ 3 เท่า เพราะฉะนั้นค่อนข้างปลอดภัย

ซึ่งการซื้อในแต่ละครั้ง คุณอาจจะ

  • ซื้อทีเดียวทั้งหมด – คือคุณมีเงินลงทุน 100,000 ก็ซื้อทั้งหมดเลย 100,000 บาท หรือ
  • ซื้อเป็นรอบ/เป็นไม้ – โดยมีเป้าหมายของคุณเองเช่น ทะยอยซื้อสัปดาห์ละ 5000 บาท หรืออาจจะซื้อเป็นเดือนละครั้งด้วยเงิน 10,000 บาท ทุกๆเดือน ก็ได้เช่นกัน

จงอย่าลืมว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น หากคุณซื้อด้วยเงินทั้งหมดแล้ว

  •  ราคา Bitcoin อาจจะปรับตัวลงมาที่ 200,000 100,000 หรือ 80,000 บาท ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้
  • ในทางกลับกัน ราคา Bitcoin อาจพุ่งทะยานไปแตะ 600,000 กว่าบาทอีกครั้ง ก็เป็นไปได้เช่นกัน

สิ่งที่ต้องควบคุมก็คือความเสี่ยง อย่างที่ได้ระบุไว้ข้างต้นว่า การทะยอยซื้อเรื่อยๆ ดูสมเหตุสมผลกว่าการซื้อทีเดียวด้วยเงินลงทุนทั้งหมด เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงในกรณีที่ราคาปรับตัวลดลงมาอีกในอนาคต

เริ่มต้นเทรดบน BX

สำหรับท่านผู้อ่านที่ยังไม่ได้เปิดบัญชีกับ BX สามารถเปิดบัญชีได้โดย คลิ๊กที่นี่

ขั้นตอนต่อไปหลังจากสมัครเปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการโอนเงินเข้าไปในบัญชีของ BX ซึ่งหัวข้อดังกล่าวจะอยู่ในส่วนของ My Funds > Deposit

โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า You must deposit from the selected bank account only! คือ คุณต้องโอนเงินจากบัญชีธนาคารที่คุณเลือกเท่านั้น

ซึ่งคุณต้องทำการยืนยันบัญชีธนาคารเสียก่อน จึงจะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้

การยืนยันบัญชีธนาคาร

Add Bank Account BX

ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มบัญชีธนาคารประกอบไปด้วย

  • Bank – ชื่อธนาคารของบัญชีธนาคารที่คุณต้องการยืนยัน
  • Account Number – หมายเลขบัญชีธนาคาร
  • Account Name – ชื่อ-สกุลเจ้าของบัญชี โดยต้องใส่เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
  • Postcode – รหัสไปรษณีย์ของสาขาธนาคาร เช่น หากคุณเปิดบัญชีของ ม.เกษตรศาตร์บางเขน จะมี Postcode คือ 10900 นั่นเอง
  • Branch Location – ชื่อสาขาของธนาคารที่ได้เปิดบัญชีไว้
  • Upload Bank Book – ให้ทำการอัพโหลดหน้าแรกของบัญชีธนาคาร โดยมีตัวอย่างดังนี้ คลิ๊ก

ท้ายที่สุดคือ This must be your own bank account, that you yourself own; and matches your account name. หรือ บัญชีที่คุณเพิ่มเข้ามานั้น ต้องเป็นบัญชีของคุณ มีคุณเป็นเจ้าของ และชื่อบัญชีกับชื่อที่คุณกรอกใส่ไปในระบบต้องตรงกัน พูดง่ายๆคือต้องเป็นชื่อเดียวกันทั้งหมดนั่นเอง

อย่าได้ใส่ชื่อปลอมเข้าไปเด็ดขาด เพราะทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอย่างละเอียด

เติมเงินเข้าบัญชีครั้งแรก

เนื่องจากตัวผู้เขียนเองไม่ได้เติมเงินเข้าระบบมานานมากแล้ว แต่จะขออธิบายคร่าวๆ

โดยการ​ Deposit เงินเข้าบัญชีนั้น ทาง BX จะกำหนดจำนวนเงินที่ให้โอนเข้าไปทุกครั้ง ซึ่งมีรูปแบบดังนี้

ถ้าคุณต้องการเติมเงินเข้าบัญชี 50,000 บาท ทาง BX จะระบุในหน้าโอนเงินว่า ให้โอนเข้ามาเป็นจำนวนเงิน 49,3xx บาทแทน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ** ให้โอนตามที่ระบบแจ้งเท่านั้น ห้ามโอนจำนวนเต็มหรือจำนวนที่ต้องการ **

เพราะถ้าหากคุณโอนไป 50,000 บาท อาจต้องติดต่อทีมงานเพื่อทำการยืนยัน ทำให้เสียเวลาในการรอเงินเข้าระบบ

เริ่มต้นซื้อขายบนกระดาน BX

เมื่อเงินเย็นของคุณได้เข้าสู่ระบบของ BX แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็สามารถเริ่มการเทรดได้ทันที

Create an Order (Thai Baht to Bitcoin)

สังเกตปุ่มสีเขียวด้านบนซ้าย Buy Order = ตั้งราคาเพื่อซื้อ

ถัดมาคือ Sell Order = ตั้งราคาเพื่อขาย

ในส่วนสุดท้ายคือ My Open Orders = รายการซื้อ/ขายของคุณที่ยังคงเปิดอยู่ (ยังซื้อขายไม่สำเร็จ)

Buy Order

  • Available Balance – จำนวนเงินบาททั้งหมดที่คุณมี
  • THB you spend – คุณต้องการซื้อเหรียญด้วยจำนวนเงินกี่บาท เช่นต้องการซื้อ 5000 บาท ก็ใส่เลข 5000 ได้เลย
  • Price per BTC – ราคาต่อ 1 BTC ณ​ ปัจจุบันอยู่ที่ 214,000 บาท ซึ่งระบบจะแสดงตัวเลขล่าสุดให้ แต่ถ้าหากคุณต้องการซื้อ Bitcoin ที่ราคา 200,000 หรือต่ำกว่านั้นก็สามารถกรอกได้เช่นกัน
  • BTC you receive – ปริมาณ BTC ที่คุณจะได้รับหาก Order นี้มีการซื้อขายสำเร็จ
  • Fee 0.25% – มีการบอกเป็นนัยๆว่า ทาง BX คิดค่าธรรมเนียม 0.25% ทุกครั้งที่ Order มีการซื้อขายสำเร็จ นะจ้ะ… ฉะนั้นคนที่ซื้อขายบ่อยๆพึงระวังค่าธรรมเนียมเอาไว้ด้วย เผลอๆอาจจะมากกว่ากำไรก็เป็นได้

เมื่อได้ Order ที่พึงพอใจแล้วก็สามารถกด Create Order ได้เลยครับ หลังจากนั้นก็เพียงแค่รอให้ Order ดังกล่าวสำเร็จ คุณก็จะได้รับ BTC มาครอบครอง

Sell Order

Create Sell Order on BX

หลักการก็คล้ายคลึงกันกับ Buy Order

โดยในภาพเป็นการทดลองขาย BTC จำนวน 0.01950000 BTC ที่ราคา 213313.10 บาทต่อหน่วย จะได้รับเงินทั้งหมด 4149 บาท อย่าลืม Fee 0.25% ด้วยนะ

หาก Order ของคุณยังซื้อขายไม่สำเร็จ จะไปปรากฏอยู่ที่ My Open Orders จนกว่าจะมีการซื้อขายสำเร็จ Order ดังกล่าวจึงหายไปโดยอัตโนมัติ

Latest Trades – Buy Orders – Sell Orders

Latest Trades - Buy Orders - Sell Orders on BX

ทายกันได้เลยว่า หากคุณเพิ่งเคยเข้ามาเทรดครั้งแรก แล้วเจอกับหน้าตาแบบในรูปด้านบน คงจะสร้างความสับสนมิใช่น้อย

แต่อย่างเพิ่งตระหนกไปครับ ทางผู้เขียนจะมาอธิบายแต่ละส่วนให้คุณได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

Latest Trades

คือรายการการซื้อขายล่าสุด โดยมีระยะเวลาระบุไว้ในช่อง Date/Time ในหน่วยนาที

หากเป็นช่วงตลาดคึกคัก คุณจะเห็น Order ในช่อง Latest Trades เลื่อนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่สูงนั่นเอง โดยเครื่องหมายสีแดงคือการขาย และสีเขียวคือการซื้อ

จากภาพแปลได้ว่า เมื่อ 9 นาทีที่แล้ว มีการขาย Bitcoin ทิ้ง จำนวน 0.03201127 BTC ที่ราคา 213,313.11 ต่อหน่วย

Buy Orders หรือ Buy Wall

คือการตั้ง Order ซื้อ ณ ราคานั้นๆ หากมีการซื้อขายสำเร็จ Order ดังกล่าวก็จะไปแสดงใน Latest Trades นั่นเอง

Sell Orders หรือ Sell Wall

คือการตั้ง Order ขาย ณ ราคานั้นๆ หากมีการซื้อขายสำเร็จ Order ดังกล่าวก็จะไปแสดงใน Latest Trades เช่นกัน

สัญลักษณ์รูปไฟ = มีการตั้ง Order ในส่วน Buy หรือ Sell จำนวนมาก อ้างอิงจากรูปคือมีการตั้ง Order ขายจำนวนมากนั่นเอง

Buy Wall – Sell Wall คืออะไร

Latest Trades - Buy Orders - Sell Orders on BX

การเกิดขึ้นของ Buy Wall – Sell Wall นั้น จะมีลักษณะตามรูปด้านบน ซึ่งผมได้ตีกรอบสีแดง และสีเขียวเอาไว้ให้ เพื่อความชัดเจน

โดย Buy Wall จะเป็น Order ในฝั่ง Buy (กรอบสีเขียว) ที่มีปริมาณความต้องการซื้อ (Volume) สูง ถ้าดูจากภาพจะเห็นว่า มีการตั้งซื้อ Bitcoin ที่ราคา 213,011 บาทต่อหน่วย เป็นจำนวนเงินมากถึง 6 ล้านกว่าบาท ซึ่งจะได้รับ 28.64177279 BTC หาก Order นี้มีการซื้อขายสำเร็จ

แปลอีกนัยหนึ่งอาจคาดเดาได้ว่า มีคนบางคนหรือในวงการจะเรียกว่า เจ้า/เจ้ามือ มาเก็บเหรียญในราคาดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นได้

ตรงกันข้ามกับ Sell Wall  คือ เจ้า/เจ้ามือต้องการที่จะเท Bitcoin ในมือทิ้ง อาจส่งผลให้ราคาของ Bitcoin ปรับตัวลดลง

ซึ่งในหลายๆ Exchange เอง ก็จะมีการนำ Sell – Buy Wall มาอ้างอิงเป็นแนวรับ-แนวต้านสำคัญของราคาเช่นกัน

เปรียบได้ว่า มี Order ใหญ่ๆคอยพยุงหรือฉุดให้ราคาเป็นไปตามกลไกที่ตนเองต้องการ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลถึงจะสามารถบังคับให้ราคาขึ้นหรือลงตามที่ต้องการได้นั่นเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้น Sell Wall/ Buy Wall อาจมีการสร้างขึ้นเพื่อหลอกลวงผู้เล่นในตลาดให้หลงคิดว่าราคาจะเป็นไปตามนั้นๆ แต่สุดท้ายจะมีการปิด Order ดังกล่าวทิ้ง และจะส่งผลตรงกันข้ามกับตลาด มีชื่อเรียกว่า Fake Wall

Fake Wall คือการสร้าง Order ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Buy หรือ Sell โดยใช้เงินจำนวนมากในการสร้าง Order ดังกล่าวขึ้นมา เพื่อจุดประสงค์ในการหลอกลวงผู้เล่นในตลาดให้หลงเชื่อว่า ราคาของเหรียญนั้นๆจะขยับขึ้นหรือลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

เมื่อผู้เล่นเริ่มหลงกล และมีการแข่งกันสร้าง Order โดยผู้เล่นหลายๆคนในทิศทางเดียวกันกับ Fake Wall พอถึงจุดหนึ่ง เจ้ามือจะทำการ Cancel รายการดังกล่าวทิ้ง และทำให้ราคาของเหรียญนั้นๆ มีแนวโน้มตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผู้เล่นหลายคนต้องการ จาก Buy Wall กลับทำให้ราคาร่วงลง หรือ Sell Wall กลับทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น ผลก็มาจากการทำ Fake Wall นั่นเอง

เพราะฉะนั้น การดูแต่ Sell Wall หรือ Buy Wall เพียงอย่างเดียว ย่อมก่อให้เกิดความผิดพลาดในการเทรดได้ จงเทรดด้วยความระมัดระวังและมีสติทุกครั้งที่เทรด

หวังว่าสิ่งที่ท่านผู้อ่านจะได้จากบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ และลงมือศึกษาก่อนการลงทุนทุกครั้ง

ขอบคุณและสวัสดี